[Review] รีวิว ร้านม็อกกิ้ง เทลล์ (Mocking Tales)
ครั้งนี้กลับมารีวิว ด้วยขนมสุดอลังการงานสร้างคราวกลับหลุดไปในโลกแห่งเทพนิยายที่คลับคล้ายว่า จะเป็นเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ นั่นเอง
และ เม จะพาเหล่านักกินแห่งเทพนิยาย พ่อมดแม่มดทั้งหลาย ไปที่ร้าน
Mocking Tales(ม็อกกิ้ง เทลล์)
ตั้งอยู่ ณ ย่านทองหล่อเจ้าดัง ที่คุณต้องขับรถหรือเดินเข้าไปไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก โดยร้านจะอยู่ที่
โครงการ MAZE
วิธีการเดินทาง :
ถ้าหากมาด้วยตัวเองไร้รถรา ให้ขึ้น BTS ลงสถานี ทองหล่อ ประตูทางออก 3 จากนั้นเดินย้อนไป "ตรงกันข้าม" (อย่าเดินตรงไปน่ะจ่ะ) เดินไปใกล้ๆกับประตูทางออกที่มีบันไดเลื่อนขึ้น จะเจอร้านแว่นตาหัวมุมถนน สุขุมวิท 55
ให้เดินเข้าซอยไป เดินไปเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ ผ่านสถาบันปรีดี พนมยงค์ เลยไปอีกจะโค้งให้หา ป้ายธนาคารสีเหลืองอันใหญ่ยักษ์ ถ้าหาเจอแล้ว แปลว่าคุณจะถึงที่หมายแล้ว ดีใจด้วย และจะเจอทางม้าลายขอให้ข้ามโดยทันที เพราะร้านจะอยู่ตรงข้าม
จากนั้นถ้าเจอกวางน้อยเจอสง่ากลางร้าน แสดงว่าถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ให้เดินผ่านกวางน้อยไปฝั่งขวามือเดินเข้าไปข้างใน
ถึงแล้วค่าาา
ร้านจะเปิดตอน 11.00-01.00 (11 โมงเช้า ถึง ตี1)
ส่วนนี้ก็จะเป็นเมนูของทางร้านที่ชวนชิม
และนี้คือภาพบรรยากาศภายในร้าน ดูจากนอกร้านเหมือนจะแคบ แต่ที่จริงมีข้างบนด้วย ไม่ได้ขึ้นไปเลย ไม่รู้เป็นยังไง งือออ เสียดาย ภายในร้านถ้าเป็นตอนที่ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว จะค่อนข้างมืดเหมือนในวีดีโอเลยทีเดียว
และเมนูที่จะมารีวิวในวันนี้ คือ ขนม (Bloody Valentine Inferno) หรือเรียกง่าย ตามสไตล์ เม ว่า ภูเขาไฟ นั่นเองค่ะ
เลือกใส่ไอติมได้ 3รส
ตามปกติแล้วต้องเป็นซ็อกโกแลต แต่วันที่ไป ซ็อกโกแลตหมดพอดี เลยได้กินไวท์ซ็อกโกแลตแทน ถือว่าลองแบบใหม่กันไป ส่วนไอติมเขาจะมีให้เลือกโดยหลักๆแล้วประมาณ 7-8 อัน
ละลายแล้วววว ส่วนไอติมรสที่สั่งไปในเมนูนี้ก็จะมีรส บลูเบอรี่ โยเกิตร์ และวนิลาค่ะ
ส่วนอีกจานหนึ่งก็จะสั่งต่งกันค่ะ สั่งรส ดาร์กซ็อกโกแลต ซ็อกโกแลตอัลมอนด์ และรัมลูกเกด
โดยหลักๆ เด่นๆคือไฟ โดยส่วนที่ทำให้ไฟลุก ก็จะเป็นเหล้าส้ม ใครสายเมา ต้องชอบแน่นอน จะมีรสชาติที่เหมือนขมๆ อธิบายไม่ถูกแหละ ถ้าใส่เยอะเกินไปจะมีรสเหล้าออกมา ใครที่ไม่กินเหล้าเหมือนเม จะไม่ชอบเลย บางทีจะมีที่ละลายไม่หมดแล้วจะเหลือปนอยู่ในขนมบ้าง
ส่วนที่ราดลงไปก่อนจะใส่ไฟ คือ ราสเบอรี่ผสมสตอเบอรี่ จะเปรี้ยวปนหวาน
ต่อมาที่รู้ๆกันอยู่ คือไอติม ขนมปัง สตอเบอรี่ และวุ้นขาวๆ
ไอติมอันนี้(ที่อยู่ด้านซ้าย) พิเศษนิดนึงตรงเนื้อ
ไม่ใช่เนื้อแบบไอติม แต่เป็นเหมือนเกร็ดหิมะมากกว่า นุ่มๆ
วีดีโออันซ้ายมีความสวย วีดีโออันขวามีความผู้หล่อ 555
ผลจากการทดลอง :
เห็นได้ว่าจานด้านขวาจากในรูปเกลี้ยงมาก เป็นจานแรกที่สั่งมา อาจจะด้วยที่ไม่เคยกินมากินหรือเปล่า โดยรวมอร่อย พอมาต่อที่จานที่ 2 ไม่ใช่ว่าอิ่มหรือเลี่ยน แต่เพราะว่าใส่ไฟ(เหล้าส้ม)เยอะเกินไปแล้วหลงเหลืออยู่ ทำให้ความอร่อยลดฮวบเลยทันที ถ้าใครที่ชอบอยู่แล้วอาจจะไม่เป็นไร ถ้าใครที่ไม่ชอบ อาจจะไม่อร่อยได้ อารมณ์เหมือนแบบกินอร่อยๆ อยู่ แล้วอยู่ดีๆตักไปเจอผักขมๆ เข้าปากปุบ ฟิลลิ่งหดกระจาย ไม่อยากกินต่อ เพราะไม่รู้จะเจออีกหรือเปล่า
ราคาขนม Bloody Valentine คือ 590 บาท
หยุด ก่อน !
อย่า เพิ่ง ปิด !
ยัง ไม่ จบ !
มีเรื่องตลกๆจะเล่าให้อ่านเรื่อง ขนม Bloody Valentine นี้แหละ คือ
เมก็มาที่ร้านอีก ก็มาใช้สิทธิ์ของ SAMSUNG นี้แหละ กินฟรี แล้วทีนี้ เมก็สั่งรสชาเขียวไป
แล้วทีนี้มีแฟนคู่หนึ่งมา เขาก็ใช้สิทธิ์นี้เหมือนกัน มาทีหลังเรา
สักพักก็มีพนง.เข้ามาถามว่าเปลี่ยนไอติมได้ไหมพอดีรสนี้หมด เมก็ให้เปลี่ยน แล้วพอ ขนมของเม มาเสิร์ฟ ก็มีพนง.หรือหุ้นส่วนของร้านไม่แน่ใจ หล่อๆ มาใส่ไฟให้สวยๆ เหมือนในวีดีโอเลย แต่...จุดพีท
คือ หลังกดหยุดถ่ายวีดีโอปับ ที่เคลือบซ็อกโกแลตตกจ้า หงายหลังตึ่งตกลงโต๊ะเลยค่ะ 5555 เขาก็เลยเอามาอันใหม่มาวางให้ ก็หงายอีก (อะไรจะขนาดนั้น)
แล้วทีนี้ เมก็สังเกตว่า "เออ ทำไมไม่มีชาเขียวอ่ะ เราสั่งชาเขียวไปนิ" หันไปดูโต๊ะของคู่แฟนโดยบัดนาว "อ้าวเอ๊ะ ทำไมคู่นั้นมี ทำไมของเราไม่มี ไม่ได้บอกว่าเปลี่ยนนิน่า" พอถาม เขาก็บอกว่าออเดอร์ผิดพลาด ชาเขียวลูกนั้นลูกสุดท้ายพอดี ขอเปลี่ยนเป็นน้ำชาเขียวได้ไหม(ติดตามรีวิวน้ำชาเขียวได้ในตอนหน้า) พี่ที่เดินมาบอกนี้หล่อสไตล์โอปป้าเกาหลี ตอนพูดงี้ใจละลายเลย ขอการันตีว่า พนง.ร้านนี้หล่อ ห่อกลับบ้านที่หนึ่งค่ะ 555
"ช่วยบอกเขาที ว่าฉันรักเขา ขอเป็นภรรยาเลยได้ไหม ไม่ต้องเป็นแฟนกันแล้ว"
#มีความหลบรองเท้า กะละมัง กระทะ เฟี้ยว #แฟนโอปป้าตามล่า ขอไปซ่อนแปป
เสียดายวีดีโอนี้ไม่ได้ถ่ายติดอุปป้าคนนั้น มัวแต่สนใจขนม(อ้าว ยังไง?)
จบการรีวิวไปด้วยภาพนี้ เพิ่งวาดครั้งแรก ติชมได้ค่า ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น